Tuesday, December 13, 2005

ขอบคุณ กำลังใจให้คุณพ่อ

ความเจ็บป่วย เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดา ทุกคนไม่อยากเจ็บไม่อยากป่วย แต่ถ้าเจ็บแล้ว ก็ต้องรักษา เพื่อให้ความเจ็บป่วยนั้นบรรเทาลง ขอบคุณเพื่อนทุกคนที่เป็นห่วงเป็นใย คอยถามข่าวคราวเสมอ กำลังใจสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ก้าวพ้นความเจ็บป่วยได้ ขอบคุณมากค่ะ

Saturday, December 10, 2005

อาการอย่างว่า......

เช้าวันหนึ่งของวันทำงาน ยืนรอรถเมล์เพื่อไปทำงาน นั่นไง รถเมล์มาแล้ว ด้วยความที่ป้ายรถเมล์ที่กว้างโยชน์กว่าๆ หรือประมาณสิบแปดช่วงตึก มันจึงได้วิ่งผ่านหน้าตัวเองไปจอดข้างหน้าประมาณสิบก้าว เราก็เดินตาม เพราะตอนแรกคิดว่าคงมีคนขึ้นหลายคน ที่ไหนได้ มีอีฉันคนเดียวนี่แหล่ะค่ะที่จะขึ้น ไงล่ะ เริ่มคิด คนขับมันคงด่าว่าอีนี่ มันคงไม่อยากขึ้น ก่อนที่คนขับจะตัดสินใจทิ้งอีนี่ไว้เบื้องหลัง เสี้ยววินาทีนั้น เราจึงเริ่มวิ่งออกไป ทันอย่างไม่น่าเชื่อ

ถัดมา >>>>

ขึ้นไปบนรถ หาที่นั่งเสร็จสรรพ ค่อยๆ มองไปข้างหน้า มองซ้ายที มองไปทางขวาอีกที ค่อยๆเปิดกระเป๋า เตรียมจ่ายค่าโดยสาร จังหวะเปิดกระเป๋า ราวกับภาพสโลว์โมชั่น เปิดได้ช้าอย่างไม่น่าเชื่อ จ่ายเงินเรียบร้อย ก็หยิบ Mp3 ออกมา หยิบออกมาใช่ว่าจะเปิดแล้วฟังได้เลย มันต้องแงะสายหูฟังที่มันพันกันอย่างยุ่งเหยิง(แถวบ้านเรียกว่า พันกันมุ่นอุ้ยปุ้ย) ภาพสโลว์โมชั่นของการค่อยๆแงะสายหูฟังออกมา เวลาผ่านไปเป็นนาที คือมันนานน่ะ ทำๆอยู่ ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัวซะงั้น วินาทีนั้น ก็นึกได้ว่า นี่มันเกิดอะไรกับชีวิตฉัน ............ ทำไมทำอะไรราวกับตัวเองเป็นคนแก่ที่ไม่มีความสุข หมดความกระตือรือร้น จวนจะลงโลงเต็มที มันช่างเชื่องช้า เฉื่อยชา ไม่แยแสอย่างนี้


เป็นอาการเลือดจะไปลมจะมา
หรือ
ก็แค่ อาการของคนขาดแรงบันดาลใจอย่างรุนแรง

Thursday, December 01, 2005

Mission has completed for the first round!

ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งภารกิจ........

รู้สึกโล่ง หลังจากหนักใจมา 2 อาทิตย์

ถาม : กรณีการเปิดเสรีทางการเงิน thai bank จะแข่งกับ foreign bank ได้หรือไม่ จะวัด competitiveness อย่างไร
(เอากระดาษกับปากกาขึ้นมาเขียนยิกๆ ได้สัก 3-4 นาที)
ตอบ : หลักในการทำธุรกิจของธ. คือ take risk และได้ return ที่เหมาะสมกับ risk profile ดังนั้น หัวใจก็คือ Risk management skills ที่ดีซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะจัดการกับ risk ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็น Credit Risk, Market Risk, Interest rate risk, F/x risk ect. (ความสำคัญหลักอยู่ที่ credit risk เพราะ port ของ Bank ส่วนใหญ่คือ Loan )
=== ดังนั้น Thai bank ทั้งหลายต้องปรับปรุง RM ให้ดี เพื่อจะได้แข่งขันได้ ====

ประการถัดมา เมื่อ bank เป็นผู้ขายสินค้าในที่นี้ คือบริการทางการเงิน จะ supply services เพื่อสนองความต้องการของผู้ซื้อได้มากน้อยเพียงใด และ price อย่างไร ถ้ามีบริการ แต่ต้นทุนสูงกว่า ก็แข่งขันได้ลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาว market share ก็ย่อมลดน้อยถอยลงไปตามลำดับ


ถาม : ให้ทำการศึกษา จะเริ่มจากอะไร ทำอย่างไร
ตอบ : เริ่มแรกต้อง define variables ที่จะเป็นตัวชี้วัด competitiveness ดังกล่าว และขั้นถัดมาคือ การ collect data โดยถ้า data ที่มีอยู่ก่อให้เกิดข้อจำกัดในการศึกษา ก็ต้อง suggest ว่าควรจะมีการเก็บข้อมูลใหม่ อย่างเป็นระบบ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาในอนาคต (ตอบได้กว้างเป็นมหาสมุทรแปซิฟิกเลยครับพี่น้อง)

ถาม : มองภาพเศรษฐกิจไทยปัจจุบันเป็นอย่างไร และมีความเสี่ยงอะไร
ตอบ : เป็น export-led-growth model อยู่ เห็นได้จากเป้าตัวเลขการส่งออก และผลต่อ growth ของประเทศที่ปรับเพิ่มขี้น ปัจจัยเสี่ยงคือหนี้ภาคครัวเรือน เห็นได้จากการใช้ credit card, consumer loan การเติบโตของการ housing motgage และดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นซึ่ง debt service ไม่ balance กับ income ก็จะไม่ sustain ในระยะยาว

=== ลืม เรื่อง ราคาน้ำมันไปเลย ===

ถาม : แล้ว Mega-project ล่ะ
ตอบ : เห็นว่าเป็นโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่มีความจำเป็นเพื่อลดต้นทุนในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ยกเรื่องการเมืองให้เป็นประเด็นต่างหาก (เป็นธรรมดาว่ามีการรั่วไหลอย่างแน่นอน) แต่ประเด็นว่าถ้าสร้างแล้วจะ finance mega project อย่างไร ซึ่งใน programe ของรัฐบาลได้มีการวางแผนเงินกู้ไว้แล้วว่าแต่ละแหล่ง เช่น commercial bank, bond, foreign investor จะมีสัดส่วนการกู้ยืมเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม จะต้อง manage debt ดังกล่าวได้ตลอดอายุโครงการเพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน

ถาม : ถ้าจ่ายคืนหนี้ไม่หมด จะทำอย่างไร
ตอบ : ก่อนจะลงทุน รัฐจะต้อง take into accout การรับผิดชอบและการมีส่วนร่วมในการรับภาระ ของภาครัฐเองที่จะช่วย subsidy เพราะถือเป็นหน้าที่ที่ต้องบริการสังคม เอกชน และประชาชนผู้ใช้บริการ (user fees) เพื่อให้ mega-project เกิด sustainability ในระยะยาว

ตอนพูดก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เล่ามาทั้งหมด ตกหล่น วกไปวนมาบ้าง แต่ข้อใหญ่ใจความก็ประมาณนี้
ท่านใดมีความเห็นต่อคำถาม-คำตอบดังกล่าว ยินดีทั้งที่จะเห็นร่วมกันและเห็นต่างออกไป
เชิญท่านว่าได้ตามสบายนะคะ