Monday, June 27, 2005


what happen to my blog? Posted by Hello

zo Posted by Hello

Thursday, June 16, 2005


real fan Posted by Hello

ว่าด้วยเรื่องการประชุมเชียร์กับ ว๊าก

กิจกรรมรับน้องมีหลายรูปแบบ แบบบันเทิง แบบเที่ยว แบบว๊ากเกอร์
ประชุมเชียร์แบบว๊ากเกอร์ เป็นกิจกรรมหนึ่งในการรับน้องที่ได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในช่วงสองสัปดาห์นี้
ในฐานะหนึ่งคนที่ได้สัมผัสประสบการณ์เหล่านี้มาบ้าง (เมื่อ 7 ปีก่อน)
ข้าพเจ้า ไม่รู้สึกต่อต้านว๊ากเกอร์ บางครั้งยังรู้สึกอยากเข้าประชุมเชียร์ อยากร่วมกิจกรรมด้วยซ้ำไป ทำไม
ขอเล่าถึงความทรงจำและสิ่งที่ได้จากกิจกรรม “ประชุมเชียร์แบบว๊ากเกอร์” ทั้งที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ หอพักนิสิตจุฬาฯ หรือ หอซีมะโด่ง ดังต่อไปนี้

ได้รู้จักเพื่อน .................ให้จำชื่อ นามสกุล IDโรงเรียน โรคประจำตัว ของเพื่อนแปดทิศ (เด็กหอก็ต้องเพิ่มคณะ จังหวัด)
ได้ร้องเพลงเชียร์ ............. เอ้า เพลงชุด 5 รอบ ไปจดเนี้อเพลง XXX มา ห้ามมั่ว จดมาไม่ถูก ร้องเพลงเพิ่ม
ได้รู้จักรุ่นพี่ ............... วันนี้ไปหาลายเซ็นรุ่นพี่ปีสี่ มาอย่างน้อย 5 คน ขอแต่ลายเซ็นต์ไม่เอา คุยกับพี่เค้าด้วย แต่ไม่ต้องนินทา
(ก็รู้ ว่าห้ามไม่ได้ .... พี่หล่อนี่หว่า)
ได้ออกกำลังกาย ................... กูไม่น่าอยู่หอเลย วันนี้วิ่งอีกแล้ว ตีห้า ปลุกเพื่อนด้วย ถ้าพรุ่งนี้ไม่อยากอยู่ดึก อย่าให้พี่รอนะน้อง
กับ วันพรุ่งนี้วิ่งกับหอชาย (ตื่นเต้นมากๆ อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ จะได้วิ่งคู่ใครหว่า) อย่าให้พี่อายนะน้อง อย่าลืมแคะขี้ตามาก่อนนะน้อง ตีห้าครึ่งประจำที่ที่ชั้น 2 ระหว่างนั้น ก็ส่ง sig กันไปว่าใครจะไปแล้ว ใครจะมาแล้ว พี่ว๊ากหอหญิงส่ง sig ให้พี่ว๊ากหอชาย ไม่ถึง 5 นาที หอชายจะวิ่งมาเข้าแถวหน้าหอหญิง การทักทาย เริ่มต้นด้วยเพลง “แสงทอง” หอชายขึ้นว่า
“แสงทองสาดส่องขึ้นฟ้า น้องยาอย่านอนตื่นสาย น้องคงนอนหลับสบาย ฝันถึงพี่ยาใช่มั้ย” หอหญิงขึ้นว่า
“แสงทองยังไม่ส่องขึ้นฟ้า พี่ยารีบมาทำไมกัน คงนอนหลับฝันทั้งวัน ถึงฉันหอหญิงใช่มั้ย” หอชายร้องว่า
“พี่ชายมาปลุกน้องยา เพื่อมาขอยาสีฟัน ทรมานมาตั้งเจ็ดวัน ยาสีฟันพี่ก็ลืมเอาติดมา ยาสีฟันพี่ก็ลืมเอาติดมา”
(ถ้าเพลงมันยาวกว่านี้ ก็ขออภัย ข้าพเจ้าลืม ต้องร้องบ่อยๆ)
วิ่งเสร็จก็เจ็ดโมง เจ็ดโมงครึ่ง เข้าแถวหน้าหอหญิงใหญ่ แหงนหน้า ตะโกนขึ้นไปให้ถึงชั้น 13 ว่า ตะโกนตามพี่ว๊าก “พี่ๆ หอหญิงคะ ขอขนมน้องกินหน่อย น้องหิวมาก ขนมปัง ปักกิ่ง ป็อกกี้ มาม่าก็ได้นะคะ แต่น้ำร้อนไม่ต้อง....”
(พี่ๆ บนตึก ก็มีทั้งพี่นางฟ้าที่เตรียมขนมให้น้องๆ กับพี่ใจยักษ์ที่อยากราดน้ำร้อนลงมา โทษฐานที่รบกวนคนจะนอน จริงๆแล้ว มีเพลงร้องด้วย แต่ลืม)
ได้ฝึกการทำงานเป็นกลุ่มและความคิดสร้างสรรค์........หอหญิงแต่ละหอ (แต่ละปีก หรือแต่ละชั้น) ไปแต่งเพลงล้อหอชายมา อย่าเอาไปบอกหอชายนะ อย่าหลง คารม เค้ามาขอ อย่าให้ เค้าร้องแก้ได้ อายเค้านะ กลับจากห้องประชุมเชียร์ ก็ไปซ้อมกันด้วยนะ ร้องเพลงล่มไม่เอา ดำน้ำก็ไม่เอานะ
ได้ฝึกความอดทน (อย่างไม่น่าเชื่อ) ............... ตะคอกเข้าไป (เสียงแหบยังกับเป็ดแท้ง ยังอยากจะแหกปากอีก) เอาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาด่า เช่น กินแรงเหรอ อยากเห็นเพื่อนเหนื่อยเหรอ ไม่สงสารเพื่อนคุณเหรอ ขำอะไรมิทราบ (ขำที่พี่ว๊ากชอบทำตาถลน ตะโกนจนเสียงหายนั่นแหล่ะ มีสมน้ำหน้าด้วยนะ)
ไม่ก็ปิดหน้าต่าง ปิดพัดลม ใครจะเป็นลม ไม่ไหว ให้ยกมือซ้าย ใครเป็นตะคริว ให้ยกมือขวา (ฝ่ายพยาบาลเตรียมแอมโมเนีย พัด ยานวด ส่วนใหญ่เป็นเค้าเตอร์เพน)
ได้ Probation.......... เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะเด็กหอ ประเภทนอนดึก ตื่นสาย ไปเรียนไม่ทัน รับน้องเสร็จแล้ว ก็ยังติดพัน เพลินกับกิจกรรม เลย ติดโปรซะ top hit ก็ วิศวะฯ วิทยาฯ เทอมสองเอาใหม่ เอาให้พ้นโปร โปรสูงไม่เท่าไหร่ โปรต่ำ (ต่ำกว่า 1.5) เนี่ย มึงเอ๊ย ลากเลือด เพื่อนติวด่วน ไม่ไหว ไม่ใช่ ไม่อยาก ไม่สู้ ก็เตรียมตัวเอนท์ใหม่ตามกติกา

ถ้าทำแล้วมันห่วย มันไม่มีอะไรดี มันทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ ไอ้วิธีการนี้มันตายไปแล้ว
ที่ทำให้มันอยู่มาจนป่านนี้ เพราะมันมีคนทำต่อ และมีวิวัฒนาการ ( มีการปรับคำพูด การลงโทษโดยลดระดับความรุนแรงลงมา)
มีคนที่เห็นว่ามันมีเหตุผลอันเป็นการสมควรและอยู่ในขอบเขตที่รับได้
ประชุมเชียร์แบบนี้ ไม่ได้เตรียมแค่วันสองวัน ไม่ได้ทำแค่คนกลุ่มเดียว มีการสนับสนุนจากหลายฝ่าย เช่น
พี่ว๊ากทั้งหลายประชุม ซ้อมเสียง ซ้อมท่าทาง ไว้ผมไว้หนวด ทำหน้าให้มันโหดๆ มาก่อน นอนทีหลัง ต้องประชุมสรุปการแสดงของวันนี้ และเตรียมการแสดงพรุ่งนี้ (ที่มาก่อน นอนทีหลังได้อาจเป็นเพราะ พี่ว๊ากมันเหนื่อยคนละแบบกับน้อง วันๆน้องมันทำหลายอย่างนะโว้ย)
staffs ประมาณ สิบแปดฝ่าย e.g. ฝ่ายสถานที่ ฝ่ายพยาบาล ฝ่ายสอดแนม ฝ่ายกีฬา ฝ่ายน้ำ/อาหาร ฝ่ายอุปกรณ์ (โดยเฉพาะปี๊บ) เครื่องแต่งกาย จิปาถะอย่างไม่น่าเชื่อ
รุ่นพี่ทั้งที่คณะที่เขียนเพลงเชียร์ให้ในสมุดเชียร์ของน้อง รุ่นพี่ที่หอที่ซื้อขนมไปตุนไว้ให้น้อง
อาจารย์ก็ต้องคอย Monitor คอยดู คอยฟัง อยู่เตรียมรับสถานการณ์ที่ทั้งคาดไว้และคาดไม่ถึง

ก็คนอนุญาต กับคนขออนุญาต ก็หันมาคุยกันซะ
มีการกำหนดกติกา พี่ว๊าก ห้ามกระทำการดังต่อไปนี้ ..............
หรือ ตะคอก ก็ให้พอดีๆ ได้ยินแล้ว ทำโทษ ก็ไม่ต้องขนาดเป็นลมเป็นแล้ง
บีบคั้นมากมันไม่ดี คนมันมีจิตใจ มีสภาพจิตใจและการยอมรับที่แตกต่างกัน
ให้มีขอบเขต
ค่อยๆ define ไปว่า กิจกรรมใดไม่ควร เพราะอะไร
กิจกรรมใดควร เพราะอะไร เพื่ออะไร แล้วประเมินด้วยว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ ต้องปรับไปทางไหน
มันปรับได้ ไม่ได้ยากเย็นเท่าจับสินบน CTX 9000 หรอก
ใจกว้างกันหน่อย คุยกันหน่อย ประสานกันหน่อย

ไอ้ประชุมเชียร์แบบว๊ากเกอร์ของรุ่นพ่อรุ่นแม่มันเป็นยังไง ไม่รู้ (ต้องไปถาม)
7 ปีที่แล้วพอจำความได้ดังที่กล่าว
ปัจจุบันก็เห็นๆ กันอยู่
7 ปีข้างหน้า คงมีอะไรเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง อันสืบเนื่องมาจากการปรับตัวในวันนี้ หรืออนาคตอันใกล้

คุยกันก่อนน่า..............

Wednesday, June 15, 2005

ว่าด้วยเรื่องคอนเสิร์ตของคุณปู่ engelburt

ชื่อของ Engelbert Humperdinck คงคุ้นหูคนรุ่นพ่อรุ่นแม่มากกว่าวัยรุ่นสมัยนี้
แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกที่วัยรุ่น (ที่มีใครบอกว่าเกิดมาผิดยุค) ได้ฟังเพลง อย่าง Release Me, Quando Quando Quando หรือ love me with all your heart และเกิดประทับใจเสียงของคุณปู่ Engelbert

สนใจมั้ยคะ?

(อย่าถามว่าสนใจเพลง หรือสนใจคนถาม ............. รู้ใช่มั้ยว่าไม่ใช่อย่างแรก)

Part I Introduction

คอนเสิร์ตของคุณปู่ที่ศูนย์สิริกิตติ์ บรรยากาศรอบนอกนั้นหรูหราสมราคา สมสถานเกินความคาดหมาย
แต่งตัวตามบายประสา low income, high taste
แบบประเภทเสื้อยืดไม่ปกไม่รีด กางเกงยีนส์ (ที่มีใครบอกว่าหลวม) รองเท้าเดินรองเท้าวิ่งรองเท้าเที่ยวคู่เดียวกัน
(ที่ใส่ไปแบบงานคอนเสิร์ตจัดแถว Impact Arena, Indoor Stadium Hua Mak, สนามรัชมังคฯ, ศุนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หรือ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยแถวท่าพระจันทร์)
ก็ต้องเดินให้ระวัง ถ้าไปชนคุณนายใส่ราตรีเกาะอกมีผ้าพาดบ่าซ้ายทีขวาที พ่อแม่ที่บ้านจะจามเอา

การแสดงเริ่มเวลา ประมาณ 3 ทุ่ม ก็ไม่ทราบหรอกว่าจะมีการเชิญบัตรวีไอพี 5,000 บาท เข้าไปชมการเดินแฟชั่นโชว์ และจิบเครื่องดื่ม ไปถึงตั้งแต่ 1 ทุ่ม ก็เป็นอีกแนว

Part II Performance of the Show

ว่าด้วยเรื่องธรรมดา คือ เสียงร้องดี ดนตรีเจ๋ง แสงสีสวยงาม อืม ธรรมดาใช้ได้
ว่าด้วยเรื่องไม่ธรรมดา คือ การแสดงทั้งหมดเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งนั้น ช่างเป็นเวลาที่มีพลังดึงดูด และน่าติดตาม
การเสพการแสดงครั้งนี้ เป็นเวลาที่สั้นโดยเปรียบเทียบ แต่เป็นการเสพรู้สึกอิ่มโดยเปรียบเทียบเช่นกัน
(ที่กล่าวข้างต้น ภายใต้เงื่อนไข Free of Charge Ticket)

นี่แหล่ะ มืออาชีพ

ข้าพเจ้าได้มีโอกาสสัมผัสเก้าอี้คอนเสิร์ตสนนราคาประมาณ 2,500 บาทก็เมื่อคืนนี้เอง
เป็นวาสนาน้อยๆ ของคน low income, high taste

Part III Special Thanks

ขอขอบคุณสองพี่น้อง มิ้นท์ & กิฟท์ สำหรับเก้าอี้ที่ได้ไปนั่งมา
ขอบคุณพ่อและแม่ที่เป็นสปอนเซอร์ข้าวต้มวัดบวร
ขอบคุณพี่ยกที่หอบหิ้วไปส่งถึงอโศก